วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

5 ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการใช้งานโน้ตบุ๊ค

ที่มา: http://hitech.sanook.com/1387836/5-ความเข้าใจผิดๆ-เกี่ยวกับการใช้งานโน้ตบุ๊ค

     เชื่อว่าหลายท่านๆ คงจะมีอุปกรณ์สุุดรักสุดหวงอย่างโน๊ตบุ๊ค Ultrabook หรือแม้แต่ Convertible  ครอบครองกันอยู่อย่างแน่นอน และไม่น้อยก็คงจะปกป้องอุปกรณ์สุดที่รักกันอย่างจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นติดฟิลม์กันรอยหน้าจอ ใช้แผ่นซิลิโคนป้องกันคีย์บอร์ด หรือแม้แต่ถอดแบตเตอรี่และเสียบปลั๊กชาร์จไฟเล่นเพื่อถนอมแบตเตอรี่ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความเข้าใจผิดๆ จากที่จะช่วยถนอมอุปกรณ์สุดที่รักของคุณ กลับอาจจะทำให้มันพังได้!
1.ติดฟิล์มกันรอยหน้าจอ
     แน่นอนสำหรับท่านที่มีโน้ตบุ๊คไว้ในครอบครองคงไม่อยากที่จะเห็นหน้าจอของตัวเองเป็นรอยกันใช้ไหมละครับ ก็เลยจัดแจงทำการติดฟิลม์กันรอยเสียเลย และฟิล์มเหล่านั้นก็มีหลากหลายราคา หลากหลายเกรด และหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ฟิล์มใส ฟิล์มด้าน ฟิล์มกระจก ฟิล์มกากเพชรวิ๊งๆ ซึ่งถ้าเป็นฟิล์มราคาถูกก็อาจจะทำให้จอแสดงผลของคุณมีคุณภาพ และความคมชัด หรือแม้แต่สีสันของภาพที่อาจจะเพี้ยนไป หรือดรอปลงได้ เพราะว่าฟิล์มราคาถูกเมื่อติดไปสักพักฟิล์มก็อาจจะเหลือง จากกลับกลายเป็นช่วงปกป้อง อาจะทำให้งานภาพของคุณเสียหายเพราะสีเพี้ยน หรืออาจทำให้คุณหงุดหงิดระหว่างใช้งานได้ แต่สำหรับใครอยากติดก็ไม่ว่ากันครับ แต่แนะนำให้ติดกับโน้ตบุ๊คหน้าจอสัมผัสมากกว่าครับ เพราะจอแบบธรรมดาก็ไม่รู้จะติดไปทำไมคงไม่มีใครเอาอะไรมาขูดจอแน่นอน เปลืองเสียเปล่าๆ แต่ถ้าใครมีเงินเหลือๆ ก็ไม่ว่ากันแต่ควรจะใช้ฟิล์มประสิทธิภาพสูงสักหน่อยจะได้ใช้งานโน้ตบุ๊คได้เต็มประสิทธิภาพครับ
2.นำซอฟต์เคสมารองใต้โน้ตบุ๊ค หรือนำโน้ตบุ๊คมาตั้งเล่นบนเตียง
     หลายๆ คนอาจจะกลัวโน้ตบุ๊กของตัวเองมีรอยขีดข่วนแล้วจะทำให้เครื่องดูเก่าเร็วเลยหาผ้ามารองใต้โน้ตบุ๊คเพื่อลดการเกิดรอยขีดข่วน แต่หารู้ไม่ว่านี่ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่จะทำให้โน้ตบุ๊กเกิดควาเสียหายได้ง่ายขึ้น เช่นเดียวกับกรณีที่นำผ้ามารองใต้โน้ตบุ๊กหรือนำโน้ตบุ๊คไปเล่นบนเตียงนอนโดยวางโน้ตบุ๊คราบไปกับเตียงนั้นจะทำให้เส้นใยผ้าหลุดเข้าไปในระบบรับลมเข้าเครื่องเพื่อระบายความร้อน แล้วไปติดอยู่ที่แกนใบพัดของพัดลมทำให้พัดลมเกิดความเสียหายได้  นอกจากนี้ในบางกรณียังไปปิดช่องระบายอากาศใต้เครื่องอีก จนอาจทำให้ระบบระบายอากาศทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อาจจะเกิดความเสียหายกับโน้ตบุ๊คได้อีกด้วย
3.ใช้แผ่นซิลิโคนป้องกันคีย์บอร์ด
     แผ่นซิลิโคนป้องกันคีย์บอร์ดหนึ่งในของแถมยอดฮิต ที่หลายๆ ท่านหวังว่าแผ่นซิลิโคนจะป้องกันฝุ่นเข้าสู่เครื่องได้ แต่หารู้ไม่ว่าแผ่นซิลิโคนนั้นก่อผลเสียมากกว่าผลดี ถูกต้องครับซิลิโคนสามารถป้องกันฝุ่นเข้าเครื่องผ่านทางช่องคีย์บอร์ดได้ แต่อย่าลืมนะครับว่าโน้ตบุ๊คเองก็มีช่องว่างอื่นๆ บนโน้ตบุ๊คก็มีเพี๊ยบ ฝุ่นก็สามารถเข้าได้เหมือนกัน
     นอกจากนี้แผ่นซิลิโคนป้องกันคีย์บอร์ด ยังมีข้อเสียอีกมากมายเช่น ทำให้ระบบระบายความร้อนระบายได้แย่ลง ทำให้มีความร้อนสะสมมากขึ้น แน่นอนว่าระบายความร้อนบนโน้ตบุ๊คทุกตัวมีช่องระบายความร้อนอยู่แล้วซึ่งหลายๆ ท่านก็เข้าใจว่าน่าจะเพียงพอ แต่ในความเป็นจริงธรรมชาติของอากาศร้อนนั้นจะลอยขึ้นบนสูง การนำแผ่นซิลิโคนมาปิดไว้เหนือแป้นคีย์บอร์ดจะทำให้การระบายความร้อนทำได้แย่ลงทำให้ตัวเครื่องเกิดความร้อนสะสมสูง และมีความร้อนสะสมเพราะมีแผ่นซิลิโคนบัง ทำให้ลมร้อนระบายออกไม่ทันอาจทำให้เครื่องสุดที่รักของท่านเสื่อมสภาพไวกว่าที่มันควรจะเป็น
     นอกจากนี้ซิลิโคนยังเป็นแหล่งสะสมความสกปรก จากข้อด้านบนที่ซิลิโคนทำให้มีความร้อนสะสมสูงระหว่างใช้งานนั้น เมื่อมีความร้อนสะสมมากๆ เข้า ทำให้ซิลิโคนอาจจะละลาย เวลาเราพับหน้าจอซิลิโคนที่ปิดทับอยู่เหนือคีย์บอร์ดก็อาจจะทำให้หน้าจอเกิดรอยได้ง่าย และหากซิลิโคนละลายก็จะทำให้เกิดรอยคราบยางซิลิโคนละลายติดหน้าจอ และเช็ดไม่ออกอีกด้วย รวมถึงซิลิโคนที่ละลายก็เป็นแหล่งสะสมชั้นดีของเชื้อโรคเลยละครับ เพราะมันจะเหนียวและมีฝุ่นจับเกิดเป็นขุยขึ้นที่หน้าแผ่นยางเมื่อเสื่อมสภาพทำให้ใม่สามารถทำความสะอาดได้ จนนานๆ เข้าซิลิโคนก็จะสะสมเชื้อโรคซะเอง
4.ถอดแบตเตอรี่แยกออกจากเครื่อง
     แหล่งพลังงานหลักของโน้ตบุ๊กเมื่อไม่ได้เชื่อมต่ออะแดปเตอร์นั้นหนีไม่พ้นแบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้หลากความจุหลายเซลภายในตัวแบตเตอรี่ซึ่งสิ่งเหล่านั้นเป็นตัวแปรที่ทำให้ระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่แตกต่างกัน และหลายๆ ท่านเองก็คงจะมีคนรู้จักใกล้ตัวมาบอกว่าถ้าอยากให้แบตเตอรี่โน้ตบุ๊คไม่เสื่อมสภาพช้าลงและใช้งานได้นานยิ่งขึ้นล่ะก็ เวลาเชื่อมต่ออะแดปเตอร์เข้ากับโน้ตบุ๊กแล้วให้ถอดแบตเตอรี่ออก
     อันที่จริงความเข้าใจนี้ก็ไม่ผิดซะทีเดียวหากว่าโน้ตบุ๊คยังใช้แบตเตอรี่แบบนิเกิล-แคดเมียม (NiCd) รุ่นโบราณอยู่ โดยแบตเตอรี่แบบนี้จะต้องถนอมการใช้งานอย่างที่ว่าจริงๆ เพราะการเชื่อมต่อแบตเตอรี่เอาไว้นานๆ โดยไม่ถอดออกให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านเป็นระยะเวลานานๆ นั้นจะทำให้แบตเตอรี่เกิดการเสื่อมสภาพและใช้งานได้ไม่นานเท่าเดิม ซึ่งปัจจุบันนี้แบตเตอรี่ชนิดนิเกิล-แคดเมียมนั้นถูกรณรงค์ให้ลดการใช้งานจากสหภาพยุโรปเพราะผลิตจากโลหะหนักแต่ยังอนุโลมให้ใช้งานได้ในอุปกรณ์ทางการแพทย์บางชนิดได้
     ซึ่งในปัจจุบันนี้แบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน (Li-ion) ได้เข้ามาเป็นตัวแทนของนิเกิล-แคดเมี่ยมและได้รับความนิยมจากผู้ผลิตโน้ตบุ๊คหลากหลายค่ายเลือกนำไปติดตั้งเป็นแหล่งพลังงานหลักของโน้ตบุ๊กในปัจจุบัน ทำให้วิธีการถนอมการใช้งานแบตเตอรี่นั้นเปลี่ยนไปจากอดีต ที่เราไม่จำเป็นต้องถอดแบตเตอรี่ออกจากเครื่องเพื่อถนอมการใช้งานอีกต่อไป เพราะแบตเตอรี่ประเภทนี้ถ้ามีการชาร์จไฟฟ้าเพื่อรักษาประจุภายในแบตเตอรี่เอาไว้ให้คงที่ จะทำให้อายุการใช้งานยาวนานยิ่งขึ้น และการถอดแบตเตอรี่ออกจากโน้ตบุ๊คนั้นจะเหมือนกับคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีระบบสำรองไฟฟ้า พออะแดปเตอร์หลุดออกจากเครื่องแล้วไม่มีแบตเตอรี่ติดตั้งเอาไว้ก็จะทำให้งานที่ทำเอาไว้หายไปอีกด้วย หรือแม้แต่กรณีไฟตก ไฟดับ หรือไฟกระฉากก็อาจทำให้อุปกรณ์ภายในเสียหายได้อีกด้วย
     นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่แบบลิเธียม-โพลิเมอร์ (Li-Polymer) ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากลิเธียม-ไอออนให้ปล่อยพลังงานไฟฟ้าออกมาได้ทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าเทียบกันระหว่างแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนและลิเธียม-โพลิเมอร์ที่มีความจุเท่ากันแล้ว แบตเตอรี่แบบลิเธียม-โพลิเมอร์จะมีระยะเวลาใช้งานที่ยาวนานกว่ามาก

5. การวางโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ไว้บนตักอาจทำให้อุปกรณ์แสนรักเสียหาย(เป็นหมัน)
     ผลของความร้อน ต่อเชื้ออสุจิถูกนำมาเชื่อมโยงกับงานวิจัยของ Yefim Sheynkin ที่ถูกตีพิมพ์ในหนังสือ Human Reproduction ปี 2548 พบว่าการเล่นโน้ตบุ๊คบนตักทำให้อุณหภูมิของอัณฑะสูงขึ้น 2 องศาเซลเซียส งานวิจัยนี้ศึกษาจากอาสาสมัครชายสุขภาพดี 29 คน ที่ให้แต่ละคนติดเซ็นเชอร์วัดอุณหภูมิไว้ที่ตำแหน่งอัณฑะซ้ายและขวา แล้วให้นั่งเล่นโน้ตบุ๊คโดยวางไว้บนตัก เซ็นเชอร์จะวัดและบันทึกอุณหภูมิทุกๆ 3 นาที หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง ปรากฏว่าอัณฑะซ้ายอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 2.6 องศาเซลเซียส และข้างขวาสูงขึ้นประมาณ 2.8 องศาเซลเซียส! ที่อาจเป็นอันตรายต่ออสุจิได้
ภาพประกอบ: www.blognone.com
     ในงานวิจัยข้างต้น Yefim Sheynkin ทดลองโดยมีชุดควบคุม ซึ่งก็คือ อาสาสมัครที่นั่งในท่าเดียวกับตอนเล่นโน้ตบุ๊คเป็นเวลา 1 ชั่วโมง โดยมีวัตถุอย่างอื่นที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับโน้ตบุ๊ควางไว้แทน ซึ่งก็พบว่าอุณหภูมิที่อัณฑะสูงขึ้นประมาณ 2.1 องศาเซลเซียส! แปลว่าที่อุณหภูมิอัณฑะสูงขึ้นนั้น โน้ตบุ๊คไม่ได้เป็นสาเหตุหลัก แต่"ท่านั่งในขณะที่เล่นโน้ตบุ๊คบนตัก คือ สาเหตุทีทำให้อุณหภูมิของอัณฑะสูงขึ้น"
     และงานวิจัยใหม่ ปี 2553 Yefim Sheynkin จึงมุ่งศึกษา "ท่านั่ง" โดยให้อาสาสมัครติดเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิไว้ที่อัณฑะเหมือนการทดลองแรก แล้วเปรียบเทียบกันระหว่าง 1) ให้หุบขาวางโน้ตบุ๊คไว้บนตักและใช้งาน ที่เป็นท่าทางในการเล่นตามปกติ, 2) ให้นั่งหุบขาใช้โน้ตบุ๊คตามปกติแต่มีแผ่นรองโน้ตบุ๊ค, 3) นั่งกางขาทำมุม 70 องศา วางแผ่นรองและโน้ตบุ๊คไว้บนตัก พร้อมทั้งใช้งานโน้ตบุ๊ค หลังจากวัดอุณหภูมิเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ได้ข้อมูลว่า การนั่งแบบหุบขาเล่นโน้ตบุ๊คบนตัก ทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นประมาณ 2.4 องศาเซลเซียส และแม้จะมีแผ่นรองโน้ตบุ๊คอุณหภูมิเพิ่มขึ้นถึง 2.1 องศาเซลเซียส ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแผ่นรองโน้ตบุ๊คแทบจะไม่ช่วยป้องกันความร้อนเลย แต่การนั่งกางขาขณะเล่นโน้ตบุ๊คทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นเพียง 1.4 องศาเซลเซียส แสดงว่าการนั่งแยกขาสามารถลดอันตรายจากโน้ตบุ๊คได้
     จากผลงานวิจัยนี้เราสามารถอนุมานได้ว่า หากจำเป็นต้องวางโน้ตบุ๊คบนตักจริงๆ แทนที่จะใช้แผ่นรองโน้ตบุ๊คด้วยความเชื่อที่ผิดว่าสามารถป้องกันอันตรายต่ออสุจิได้ แนะนำให้นั่งยกขาไขว่ห้างให้ขากาง 70 องศา แทน จะได้ผลดีกว่า(ภาพด้านบน) แม้ท่านั่งกางขาจะช่วยลดความร้อนได้ แต่ก็เป็นเพียงการบรรเทาความเสียหายเท่านั้น การใช้งานโน้ตบุ๊คอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อความสามารถในการสืบพันธุ์ได้ นอกจากนี้ความร้อนจากโน้ตบุ๊คก็อาจเป็นอันตรายต่อผิวหนัง ดังนั้นหากหลีกเลี่ยงการวางโน้ตบุ๊คบนตักได้ก็ควรหลีกเลี่ยง เว้นแต่จำเป็นต้องใช้ก็สามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยวิธีการข้างต้น ก็ถือว่าผ่อนหนักให้เป็นเบาครับ (ที่มา : vcharkarn)

ขอบคุณเนื้อหา และภาพประกอบ

วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บราว์เซอร์ Baidu Spark Browser ให้คุณท่องเน็ตสะดวกยิ่งขึ้น

ที่มา :  http://th.browser.baidu.com


        บราว์เซอร์ Spark เป็นเว็บเบราว์เซอร์ภาษาไทยที่ดีที่สุดที่มีฟีเจอร์ดาวน์โหลดมีเดียอันทรงพลัง ซึ่งจะทำให้คุณสามารถดาวน์โหลดวิดีโอ และ MP3 ที่ต้องการได้ด้วยความเร็วสูง เวอร์ชันล่าสุดนี้ไม่เพียงแต่รองรับ Youtube แต่ยังรองรับเว็บไซต์อื่นๆ ด้วยเพื่อให้ผู้ใช้ได้ใช้งานตามต้องการ เวอร์ชันใหม่นี้ยังเพิ่มฟีเจอร์ล็อกอินเข้าบัญชี Google ทำให้คุณสามารถซิงค์ข้อมูลใน Google กับ Spark ได้

       หน้าตาโปรแกรมสวยงาม เข้าใจการใช้งานอย่างง่ายดาย สปาร์คยังสามารถช่วยดาวน์โหลดวีดีโอยูทูปที่คุณต้องการได้ทันที และสั่งงานเบราว์เซอร์ง่ายกว่า ด้วยการลากเมาส์บนหน้าเว็บ คุณสามารถติดตามข้อมูลสถานะเพื่อนบนเฟซบุ๊คอย่างต่อเนื่อง และ ไม่พลาดการสนทนากับพวกเขาด้วยเฟซบุ๊คปลั๊กอิน



ข้อมูลของไฟล์

  • ภาษา: English, ภาษาไทย, Português
  • เวอร์ชั่น: 26.2.9999.1157
  • ขนาด: 35.4 MB
  • สำหรับ Windows 8/7/Vista/XP

รายละเอียดเพิ่มเติม

ดาวน์โหลด

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

มาดูกันว่าเวลาต่อเน็ตแล้วขึ้น 2G, G, E, 3G, H, H+, R มันคืออะไร?

เคยเห็นกันไหมครับเวลาที่เราทำการเชื่อต่อ Internet ด้วยมือถือหรือแท็บเล็ตของเราแล้วจะมีตัวอักษขึ้นอยู่ตรงแถบ notification ด้านบนของเราไม่ว่าจะเป็น 2G, G, E, 3G, H, H+ หรือ R รู้กันหรือเปล่าว่ามันคืออะไรมีความหมายว่าอะไรกันบ้างเดี๋ยวเรามาดูกันครับ
signal1
ตัวอักษรต่างๆที่เราเห็นเวลาที่เราเชื่อต่อ Internet นั้นคือสัญลักษณ์ที่บอกถึงความเร็วการส่งผ่านข้อมูลครับอะเดี๋ยวเรามาดูกันว่ามีอะไรกันบ้าง
2G (GSM) โหมดเต่าสุด
G (GPRS – General Packet Radio Service) ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดจะอยู่ที่ 48 Kbps
E (EDGE – Enhance Datarate for GSM Evolution) ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดอยู่ที่ 236 Kbps
สำหรับบางรุ่นที่ไม่มีการแยกความเร็วในมันจะขึ้นว่า 2G
3G (WCDMA)
3G  หรือ EDGE+ ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดอยู่ที่ 384 kbps
H    (HSPA – High Speed Packet Access)  ความเร็วอินเตอร์เนตสูงสุด 7.2-14.2 Mbps
H+ (HSPA+ – High Speed packet access Plus) ความเร็วอินเตอร์เน็ตสูงสุด 21-42 Mbps

R – Roaming

ส่วนบางคนที่เห็นตัวอักษร R มันคือ Roaming หมายถึง ช่วงเวลาที่โทรศัพท์ของคุณใช้เครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของคุณไม่ได้เป็นเจ้าของในการส่งและรับข้อมูลส่วนใหญ่จะใช้กันเวลาที่เราเดินทางไปต่างประเทศ เช่น เราใช้เครือข่าย AIS อยู่และจะไปต่างประเทศซึ่งเราก็ต้องติดต่อขอ Roaming กับทาง AIS ก่อน เวลาที่เราไปต่างประเทศแล้วเราก็จะสามารถใช้มือถือได้เหมือนกับตอนที่อยู่ประเทศไทย เพียงแต่ใช้เสาสัญญาณของที่ต่างประเทศครับ ซึ่งการ Roaming แบบนี้จะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะมาๆ ใครคิดจะใช้ควรศึกษาให้ดีๆเลยนะครับ พลาดทีโดนไปเป็นหมื่นเลยนา *0*
ส่วนถ้าเป็นในประเทศไทยเองมันจะเป็นการ Roaming เพื่อหาสัญญาณครับเช่น ถ้าคุณใช้ทรูเวลาที่มันหาสัญญาณของ TrueMove-H ไม่ได้มันก็จะค้นหาสัญญาณ True Move ให้แทนครับ (รู้สึกว่าจะมีค่ายเดียวนะที่เป็น)ซึ่งจะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ แต่มันจะซดแบตนึดนึงเพราะต้องค้นหาสัญญาณอยู่เรื่อยๆ

วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

จะยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่โน้ตบุ๊ค Windows 7 ให้นานที่สุดได้อย่างไร


[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] มีรายงานข่าวว่า คอมพิวเตอร์ที่ใช้รัน Windows 7 ช่วยให้องค์กรประหยัดค่าไฟลงได้มากกว่า 1,200 (ประมาณ 40 เหรียญฯ) บาททต่อเครื่องต่อปี ซึ่งอานิสงฆ์นี้ยังส่งผลถึงการบริหารจัดการพลังงานบนโน้ตบุ๊คที่มีประสิทธิภาพขึ้นด้วย แต่ทั้งนี้ผู้ใช้จะต้องมีความเข้าใจพื้นฐานของระบบเสียก่อน จึงจะสามารถรีดพลังงานจากแบตเตอรี่โน้ตบุ๊คที่รัน Windows 7 ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย


ทราบไหมว่า นอกจากส่วนแสดงผลของโน้ตบุ๊คที่สวาปามพลังงานไฟฟ้ามากกว่าเพื่อนแล้ว ยังมีอุปกรณ์ส่วนไหนของเครื่องอีกที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ไม่แพ้กัน โพรเซสเซอร์? Wi-Fi และ Bluetooth? หรือ ลำโพง? ผมว่าอย่าเดาดีกว่า กราฟวงกลมข้างล่างนี้จะทำให้คุณผู้อ่านได้ทราบความจริงว่า ในโน้ตบุ๊คหนึ่งเครื่องมีการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ส่วนใดบ้างมากน้อยอย่างไร? เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการเลือกระบบจัดการพลังงานที่จะทำให้ใช้งานโน้ตบุ๊คจากแบตฯที่เหลืออยู่ได้นานที่สุดนั่นเอง
ในส่วนของ Windows Vista จะโดนวิจารณ์อย่างหนักพอสมควรสำหรับระบบจัดการพลังงานแบตเตอรี่ที่พบว่า มันยังหมดค่อนข้างเร็ว ด้วยเล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว ทางไมโครซอฟท์จึงได้พยายามอย่างหนักในการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการพลังงานของแบตเตอรี่บนระบบปฏิบัติการ Windows 7 อย่างไรก็ตาม หากแบตเตอรี่ของโน้ตบุ๊คคุณเก่าเสียเหลือเกินยังไงๆ มันก็หมดเร็วไม่ต้องสงสัย และนั่นเป็นสัญญาณถึงเวลาซื้อแบตเตอรี่ก้อนใหม่ได้แล้ว แต่ถ้าแบตฯของคุณยังสุขภาพดีอยู่ ทิปเหล่านี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตฯได้
กลับมาดูที่ประเด็นหลักของทิปนี้ ซึ่งจะพูดถึงโน้ตบุ๊คที่รัน Windows 7 เป็นสำคัญ ก่อนอื่นต้องบอกว่า แผงควบคุมการจัดการพลังงานของ Windows 7 ทำออกมาได้ดีทีเดียว โดยมันเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งความสว่างของหน้าจอ และเลือกแผนการใช้พลังงานไว้ใช้ได้เลย โดยผู้ใช้สามารถเข้าถึงระบบการจัดการพลังงานของ Windows 7 ได้ด้วยการกดปุ่ม Windows+X ซึ่งที่นี่จะเปิดโอกาสให้คุณปรับเปลี่ยนได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ ความสว่างไปจนถึงการกำหนดแผนการใช้พลังงาน ถ้าคุณต้องการตัวเลือกที่ละเอียดกว่า คุณก็สามารถคลิกที่ไอคอน Battery ใน System Tray บนTaskbar ของคุณ แล้วเลือก More power options
คราวนี้คุณผู้อ่านก็สามารถเปลียนแปลงการใช้พลังงานของโน้ตบุ๊คได้เมื่อต้องการแล้ว ไม่ว่าจะเป็นลดความสว่าง เมื่อไรถึงจะเข้า sleep mode หรือแม้แต่กำหนดความสว่างก่อนเสียบปลั๊ก และหลังเสียบปลั๊ก นอกจากการปรับลดแสงสว่างของหน้าจอ เพื่อประหยัดพลังงานแล้ว คุณผู้อ่านสามารถเข้าไปวางแผนการใช้พลังงานได้ที่change advanced power settings  คุณจะสามารถเปลียนค่าการใช้พลังงานต่างๆ ได้อย่างละเอียดตั้งแต่ความเร็วของ processor (ช้าลงก็ใช้ไฟน้อยลง เอาไว้เลือกตอนที่แบตฯเหลือน้อยเต็มที) ระบบความเย็น (กรณีนั่งทำในห้องที่มีแอร์เย็นฉ่ำ) ตลอดจนการกำหนดการทำงานของปุ่ม Power
นอกจากลดการใช้พลังงานโดยอุปกรณ์ทีกินไฟหลักๆ อย่าง หน้าจอ ซีพียู ชิปเซต แล้ว ยังมี Wi-Fi ซึ่งหากไม่ได้เชื่อมต่อ แต่เปิดสวิทช์นี้ไว้ มันก็จะพยายามเสาะแสวงหาเน็ตเวิร์กตลอดเวลา เพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย ซึ่งกินไฟไม่ใช่น้อย หากคุณกำลังพิมพ์งาน หรืออ่านอีบุ๊ค ปิดสวิทช์ Wi-Fi ไปซะจะดีกว่านะครับ ส่วนโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้แต่นอนแช่อยู่ใน Taskbar ก็เปลืองพลังงานเหมือนกัน อันไหนไม่ใช้ปิดไปเถอะ ในกรณีที่เครื่องของคุณมี RAM น้อย และคุณต้องรันโปรแกรมอย่างน้อย 2-3 ตัวพร้อมกันอยู่เป็นประจำ ทำให้ต้องสลับการทำงานไปมา แน่นอนว่า ภาระส่วนหนึ่งจะตกไปอยู่ที่ฮาร์ดดิสก์ที่ต้องใช้ทำหน้าที่แทนหน่วยความจำ และลงท้ายด้วยการใช้พลังงานแบตฯทีมากโดยไม่ตั้งใจอยู่ดี กรณีนี้แนะนำว่า ลงทุนซื้อ RAM เพิมเถอะนะ คงจะพอหอมปากหอมคอนะครับ สำหรับทิปการประหยัดพลังงานแบตฯ โน้ตบุ๊ค Windows 7 หากให้แนะนำทุก Options คงหลายสิบหน้าแน่ๆ เลย ยังไงตอนปรับแต่งให้คอยสังเกตด้วยว่า Windows 7 รายงานเวลาใช้แบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าไร? ขอให้สนุกกับ Windows 7 นะครับ

วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เตรียมคอมของเราให้พร้อม ก่อนอัพเกรดเป็น Windows 8.1

prepare-to-upgrade-windows8_118.00น. ของวันนี้ (วันที่ 17 ตุลาคม 2013) Microsoft จะปล่อยระบบปฏิบัติการใหม่ ให้ผู้ใช้ Windows 8 อยู่แล้ว ทั้ง พีซี โน๊ตบุ๊ค แท็บเล็ต และ Surface สามารถอัพเกรดระบบปฏิบัติการ เป็น Windows 8.1 ได้ฟรี สำหรับขั้นตอนรายละเอียดการอัพเกรดจะมาเผยในวันที่ 18 ตุลาคม  แต่ก่อนอื่นเรามาเตรีบมคอมของเราให้พร้อมก่อนอัพเกรดเป็น Windows 8.1 กันก่อน
external-harddisk1. สิ่งแรกคือ Backup ข้อมูลสำคัญ   เช่นไฟล์ภาพ วีดีโอ เอกสารสำคัญในคอม เพลง  และอื่นๆ  ลงบน External Harddisk ไปก่อน หากเกิดการผิดพลาดในช่วงอัพเกรดไฟล์สำคัญก็จะยังอยู่
prepare-to-upgrade-windows8_1-a2. สร้าง System Image บน Windows 8 (คือสร้าง USB หรือ Partition ฉุกเฉินไว้ ) สำหรับการกู้คืนไฟล์ด้วย รายละเอียดขั้นตอนการสร้าง สามารถอ่านได้ทีนี่ 
3. เช็ตตรวจสอบ ว่า คอมเรา มี Driver Windows 8.1 รองรับด้วยหรือไม่ ที่หน้า Driver หรือ Support ในเว็บไซต์แบรนด์ Notebook ที่ท่านใช้อยู่ หรือ มีอัพเดตผ่าน Software จากผู้ผลิตคอม หากพบควรดาวน์โหลดเก็บไว้บน USB  หรือ External Harddisk ไว้สำหรับติดตั้งหลังจาก อัพเกรดเป็น Windows 8.1 เรียบร้อย  หากคอมเราไม่มี driver เกี่ยวกับ windows 8.1 เลย แนะนำอย่าเพิ่งอัพเกรดในช่วงนี้จนกว่ารอประกาศอีกครั้ง ส่วน surface  รอประกาศจาก Microsoft ด้วยเช่นกัน
สำหรับรายละเอียดการติดตั้ง Windows 8.1 สำหรับผู้ใช้ Windows 8  สามารถติดตามอ่านได้ในวันพรุ่งนี้  แต่อย่าลืมว่าการอัพเกรดเป็น Windows 8.1 ที่นำเสนอนี้ สำหรับผู้ใช้ Windows 8 และ Surface เท่านั้น หากคุณใช้ Windows Xp หรือ Windows7 ควรอัพเกรดเป็น Windows 8  ก่อน 
ข้อมูลจาก cnet 

วิธีการอัพเกรดจาก Windows 8 ไปยัง Windows 8.1 แบบชัดๆ และง่ายๆ


หลังจากที่เตรียมเครื่องเพื่อป้องกันหากกรณีติดตั้ง Windows 8.1 บนเครื่องเราผิดพลาดเรียบร้อย คราวนี้ก็หายกังวลได้ระดับหนึ่ง ล่าสุด Microsoft ก็ปล่อยตัวระบบปฏิบัติการ Windows 8.1 แล้ว ซึ่งท่านสามารถดาวน์โหลดติดตั้งได้ฟรีผ่านทาง Windows Store    เชื่อว่าบางท่านไม่อยากอัพเกรดช่วงนี้เพราะคนโหลดเยอะมาก เลยวันนี้มาดูจากคนที่ติดตั้งเสร็จแล้วดีกว่า ว่าขั้นตอนการอัพเกรดเป็น Windows 8.1 ผ่านทาง Windows Store นั้น ทำกันอย่างไร ? 
w81-upgrade-step00ผู้ใช้ Windows 8 , Windows RT หรือ Surface ให้ทำการเปิดเครื่อง  จะเข้าสู่หน้าจอ Start Screen นี้   อย่าลืมต่อเน็ตหรือ Wifi ด้วย ถ้าเรียบร้อยแล้ว ก็คลิกที่ Windows Store ดังรูป
w81-upgrade-step01จะพบหน้าเตือนแบบนี้ ปรากฎบน Windows Store ให้คลิกที่ Update to Windows 8.1 For Free  ได้เลย
w81-upgrade-step02จะปรากฎข้อมูลปริมาณการดาวน์โหลด ซึ่งแต่ละเครื่องจะไม่เท่ากัน คาดการดาวน์โหลดติดต้้งนี้จะโหลดถึง 2-3 GB ถ้าคุณเน็ตเร็วพร้อมก็คลิก Download ติดตั้งได้เลย
w81-upgrade-step03เริ่มดาวน์โหลดแล้ว จะเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับความเร็วเน็ตคุณ
w81-upgrade-step04เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้วจะแจ้งเตือน Restart  ก็คลิกที่ Restart Now ดังรูป
w81-upgrade-step05เครื่องคอมคุณก็จะทำการรีสตาร์ท และเข้าสู่หน้าการติดตั้ง ขั้นตอนนี้คุณก็นั่งรอ หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ระหว่างคอมติดตั้งไปก่อน
w81-upgrade-step06อาจมีการรีสตาร์ท ประมาณ 2-3 ครั้ง

w81-upgrade-step07สักพักจะเจอหน้าข้อตกลงการใช้งาน  ให้คลิกที่ i Accept  (ทั้งนี้แนะนำให้ลองอ่านข้อตกลงกันก่อนคลิกด้วย )
w81-upgrade-step08ระบบก็จะเริ่มเตรียมติดตั้งเซตค่าแอพบน Windows 8.1 แล้ว ซึ่งก็ใกล้เสร็จแล้ว  จนกระทั่ง….
w81-upgrade-step09ได้หน้าจอ Start Sreen แบบใหม่นี้เลย (ดูแล้วเหมือนเดิมเลยน้อ ) มีแตกต่างกันจ้าสังเกตบริเวณด้าน ซ้ายล่าง จะมีลูกศรชี้ลง ด้วย ( ซึ่งบน Windows 8 )ไม่มี คุณสามารถปัดขึ้นเพื่อเจอแอพต่างๆมากมายด้านล่างด้วย นั่นหมายความว่าคุณได้อัพเกรดเข้าสู่ Windows 8.1 เรียบร้อยแล้ว :)
ข้อมูลจาก winsupersite.com

Android Device Manager เพิ่มความสามารถในการสั่งล็อกเครื่อง Android ระยะไกลได้

Android Device Manager เพิ่มความสามารถในการสั่งล็อกเครื่อง Android ระยะไกลได้

android-device-manager-how-to-lock-04          วิธีตามหามือถือ Android ของตัวเอง ผ่านทางเว็บไซต์ ด้วย Android Device Manager ทั้งการหามือถือ Android ของเรา และการสั่งลบล้างข้อมูลในมือถือ Android ระยะไกล ผ่านทางเว็บไซต์ Android Device Manager ที่ www.android.com/devicemanager           มาคราวนี้ Google ได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่ให้สามารถสั่งล็อกเครื่องระยะไกลและสั่งเปลี่ยนรหัสผ่านได้ด้วย ซึ่งหากเครื่องของคุณถูกขโมย เราสามารถสั่งเปลี่ยนรหัสได้ทันทีก่อนที่โจรจะปลดล็อกได้ …

ขั้นตอนการสั่งล็อคเครื่องมือถือหรืออุปกรณ์ Android ระยะไกล ด้วย Android Device Manager

android-device-manager-how-to-lock-01          เริ่มจากเข้าเว็บไซต์ android.com/devicemanager แล้วทำการเข้าสู่ระบบ ( Sign in ) ด้วยบัญชี gmail , google account    ก็จะเข้าสู่หน้าค้นหามือถือ โดยจะมีหน้าต่างเมนูคำสั่งต่างๆ จะเห็นว่า มีคำสั่ง ล็อก อยู่  ก็คลิกที่คำสั่ง ล็อก 
android-device-manager-how-to-lock-02          จากนั้นก็ใส่รหัสผ่าน 2 ครั้ง แล้วคลิกปุ่ม ล็อก เท่านี้มือถือคุณก็จะล็อกเครื่องแล้ว และรหัสก็จะเปลี่ยนไปตามที่เราตั้งรหัสผ่านในเว็บไซต์ Android Device Manager นี้
android-device-manager-how-to-lock-03          หน้าจอมือถือของเรา ที่ถูกคุมโดย Android Device Manager ถูกสั่งล็อกเครื่องเรียบร้อย การปลดล็อก ต้องใส่รหัสผ่านให้ถูกต้องตามที่เราตั้งรหัสไว้ใน Android Device Manager
          ยังมีวิธีตามหามือถือ Android นั้นมีมากมายที่นอกจากจะมี เว็บ Android Device Manager แล้ว ก็มีเว็บและแอพ Lookout  และ สำหรับผู้ใช้ Samsung Galaxy ก็มีเว็บไซต์ Find My mobile  ของซัมซุงด้วย  ส่วนผู้ใช้ iPhone ก็สามารถใช้บริการ Find My iPhone บนเว็บไซต์ icloud.com ได้ และผู้ใช้ WindowsPhone หรือ Nokia Lumia สามารถเช็คผ่าน Find my phone ที่ www.windowsphone.com
ข้อมูลจาก engadget

วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ความแตกต่างระหว่างแท็บเล็ตนักเรียน ป.1(ขึ้น ป.2) กับ แท็บเล็ตครู ป.2(ที่ได้รับจัดสรร)


          วันนี้ 17 ตุลาคม 2556 เวลา 08.00 น. บ.ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ขนส่งเครื่องแท็บเล็ตมาถึงยัง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 3 เจ้าหน้าที่ตรวจนับกันแทบไม่ทัน เพราะเช้ามามากๆ รีบมาแล้วก็รีบกลับ เหมือนคุณลุงคนส่งจะกล้าๆ กลัวๆ แต่บริการดีน่าประทับใจครับ

          จากการตรวจนับในครั้งนี้ สพป.นราธิวาส เขต 3 ใช้วิธีการสแกนด้วยเครื่องอ่านบาร์โค้ด ที่ได้รับแจกมาจากกระทรวงไอซีที (ได้ใช้สักที) ตรวจนับได้ทั้งหมดจำนวน 165 เครื่อง รวมแผ่นซีดีควบคุมการใช้งานแท็บเล็ตในห้องเรียน ซึ่งประกอบด้วย
          1. Education Classroom Control Software คือ โปรแกรมควบคุมการใช้งานแท็บเล็ตในห้องเรียน
          2. Walk-trace Management Software  คือ โปรแกรมติดตามเครื่องแท็บเล็ต
          3. Tablet Battery Monitor Software คือ โปรแกรมตรวจสอบแบตเตอรี่ของแท็บเล็ต
          4. Scope Draw Animation Software คือ โปรแกรมวาดรูป Superwall Software คือ โปรแกรมควบคุมระยะเวลาการใช้แท็บเล็ต


          ความแตกต่างของเครื่องแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย One Tablet Per Child ที่ได้รับมาในครั้งนี้ พอสรุปได้ ดังนี้


ซ้าย: สภาพกล่องแท็บเล็ต(นักเรียน ป.2)  ขวา: สภาพกล่องแท็บเล็ต(ครู ป.2)


ซ้าย: สภาพภายในกล่องแท็บเล็ต(นักเรียน ป.2)  ขวา: สภาพภายในกล่องแท็บเล็ต(ครู ป.2)


มุมมองด้านต่างๆ ของเครื่องแท็บเล็ตที่บรรจุภายในกล่อง
*สังเกตของครูครับว่า มีสาย HDMI ให้มาหนึ่งเส้น(แต่ต้องซื้อสาย HDMI to PC เพิ่มเอง)

สเปกเครื่องของครู ป.2 (มาใหม่)

สเปกเครื่องนักเรียน ป.2 (เครื่องเก่า ป.1 ขึ้น ป.2)

เนื้อหาภายในแท็บเล็ต ป.2 (ซ้าย:เครื่องนักเรียน  ขวา:เครื่องครู)
*สังเกตให้ดีครับ เครื่องครูมี play store goggle app มาให้ด้วย (ติดตั้งใช้งานได้จริง)


หน้าต่าง รูปลักษณะทั่วๆ ไป เปรียบเทียบระหว่างเครื่องนักเรียนและเครื่องครู

ความแตกต่างของเครื่่องนักเรียน(ซ้าย) กับ เครื่องครู(ขวา)

ความแตกต่างของเครื่่องนักเรียน(ซ้าย) กับ เครื่องครู(ขวา)

สังเกตจุดต่าง มุมมองด้านนี้ให้ดี เครื่องนักเรียน(ซ้าย) ไม่มีช่องต่อ HDMI ส่วนเครื่องครู(ขวา) มีช่องต่อ HDMI

อุปกรณ์ภายในกล่องเครื่องนักเรียน(ซ้าย) และ เครื่องครู(ขวา)




สุดท้ายสภาพกล่องพัสดุภัณฑ์ที่ได้รับ

          ขอให้คุณครู ป.2 ที่กำลังจะได้รับแท็บเล็ต ได้ใช้ประโยชน์จากโครงการฯ นี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และหวังว่าทุกๆ ท่าน รวมทั้งน้องๆ นักเรียน จะมีความสุขกับการใช้แท็บเล็ตตาม โครงการแท็บแล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย One Tablet Per Child "เติมปัญญา ด้วย เทคโนโลยี" อย่างเต็มที่ เต็มศักยภาพ